การเดินทางไปในที่ที่เราไม่รู้จักใคร และไม่มีใครรู้จักเรา บางครั้งเราอาจจะเหงาหากเราเดินทางคนเดียว แต่ความเหงา ความเงียบที่เกิดขึ้น นั้นจะทำให้เรารู้จักตัวเราเองมากยิ่งขึ้น การเดินทางจึงถือเป็นการค้นหาตัวผมเองว่าผมต้องการอะไร การได้เห็นเมฆบนท้องฟ้า ที่ปกคลุมยอดเขาสูง หลังฝนตก เป็นภาพที่ทำให้ผมคิดได้ว่า เมือแดดออก เราก็จะเห็นยอดเขาได้อีกครั้ง ทุกอย่างมันมีเหตุและผลในตัวของมัน ผมจึงลองรวบรวมประสบการณ์ที่ได้ไปเที่ยวมา เล่าสู่กันฟัง
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
Vietnam and Laos 1
การเดินทางในแต่ละครั้ง ทำให้ผมได้รับรู้เรื่องราว สิ่งใหม่ๆมากมาย ถึงเวลาเล่าเรื่องการเดินทางสุดแสน ประทับใจจากการเดินทางแบกเป้ ข้ามแม่น้ำโขง สู่เมืองต่างๆในสามประเทศ บนคาบสมุทรอินโดจีนแล้ว ก่อนเดินทางทริปนี้ยอมรับเลยว่าแอบกังวลนิดหน่อยเนื่องด้วย เวลาเดินทางในแต่ละครั้ง ผมเองชอบโลภ โลภในที่นี้คือ ใหนๆจะไปซักที ต้องไปให้ครบ และไปให้ถึง ดั้งนั้นจึงเริ่มศึกษาแผนที่และรีวิวต่างๆในเว็บไซด์แล้วจึงเริ่ม ปักมุดลงในแผนที่ว่าจะเริ่มจากเมืองในก่อน ผลที่ได้คร่าวๆคือ กรุงเทพ/มุกดาหาร/สะหวันเขต/เว้/ฮอยอัน/นาตรัง/มุนเน่/ดาลัด/โฮจิมินทร์ แล้วเหินฟ้ากลับกรุงเทพ
แค่บอกเส้นทางกับเพื่อน มีแต่คนบอกว่าอยากไปแต่ไม่มีใครกล้าไปเลยสักคน แต่ในที่สุดก็ได้เพื่อนต้องผู้มีความกล้าหาญพอมาร่วมชะตากรรมการนั่งรถ ที่หลายๆคนบอกว่าต้องเตรียมฮีรูดอยไว้ทาตูดกันเลยที่เดียว แต่ก้นใหญ่อย่างเราสบายมากก ฮ่าๆๆ หลังจากการเตรียมกระเป๋าเรียบร้อยซึ่งก็เน้นเอาเสื้อกล้ามไปเยอะๆ แล้วก็แจ็คเก็ต ตัวหนึ่งสำหรับไปดาลัดว่ากันว่าเมืองนี้จะหนาว เลยกันไว้ก่อน ส่วนกลางเกงก็ขาสั้น สองตัวและ กางเกงในก็ตามวันเลยคาดว่าทริปจะใช้เวลากว่า สองอาทิตย์ครับ พอทุกอย่างเรียบร้อยก็มุ่งหน้าไป ท่ารถทัวร์เพื่อจองรถนอนวีไอพี ราคา ประมาณ 500 บาทมุ่งหน้าสู่มุขดาหารเมืองชายแดนไทยลาวครับผม สำหรับคนขี้เมารถ ผมขอแนะนำว่า ซื้อยาแก้แพ้ไว้เลยจะดีมากครับขึ้นรถ ทานยา และหลับไปเลยครับ
ตื่นมาคุณก็จะพบกับท้องฟ้าในวันใหม่ กับเมืองแรกของการเดินทาง กับระยะทางหลายพันกิโลเมตรคับ พอถึงท่ารถเราก็ต้องจอง International Bus คับ ต้องรีบจองน่ะครับไม่งั้นจะ อดรถเที่ยวแรกข้ามไปลาวครับพอจองเสร็จก็ต้องประเดิมมื้อเช้าด้วยอาหารเช้าร้อนๆ ตรงท่ารถครับ จะเริ่มมีร้านเฝอให้ลิ้มลองก่อนข้ามไปฝั่งลาวเลยครับ
หลังจากอิ่มท้องแล้วก็เตรียมตัวขึ้นรถรอข้ามไปฝั่งลาวเลย ขอระวังคือ เราต้องรีบขึ้นรถน่ะครับเพราะอาจไม่มีที่นั่งได้ และที่สำคัญ บนรถมีป้ายห้ามถุยน้ำลายบนเบาะ ซึ่งผมตีความว่า คนบางพวกอาจใช้การถุยน้ำลายเพื่อเป็นการจองที่นั่งก็เป็นได้ครับ
ใช้เวลาไม่นานรถบัสที่บรรทุกคนหลายสัญชาติก็มาถึงยังด่านพรมแดนไทยลาวขอบอกว่าช่วงนี้แหละตื่นเต้นเพราะกลัวรถไม่รอ ดังนั้นจะทำอะไรก็ต้องหูตาไวไว้ก่อนกลัวน่ะครับแต่ด่านนี้ยังโอเคเพราะเป็นด่านไทยคุยกันรู้เรื่องแล้วเค้าก็จะมีช่องเฉพาะคนไทยที่เราไม่ต้องต่อคิวนานครับ
หลังจากข้ามมาฝั่งลาวเป็นที่เรียบร้อย ก็เริ่มมองหาที่พักเป็นอันดับแรกเนื่องจากร่างกายต้องการพักผ่อนหลังจากนั่งรถมาเกือบสิบเอ็ดชั่วโมง ผมตัดสินใจหาที่พักใกล้ๆกับท่ารถที่สุดเพราะจะได้จองตั๋วไปเวียดนามได้สะดวก จุดสังเกตว่าตรงใหนเป็นที่พักราคาถูกง่ายนิดเดียวคือ ถามคนแถวนั้น ห้าๆๆ ท้ายที่สุดก็ได้ที่พักราคา 500 บาท สำหรับห้องแอร์ สองคนอยู่ห่างจากท่ารถแค่ 100เมตรคับ สภาพห้องก็ พอไปวัดไปวาได้ จึงตัดสินใจพักสองคืน แล้วก็ปิดสวิทซ์ร่างกายแล้วนอนเอาแรงครับ
ส่วนเรื่องแผนการท่องเที่ยวของเมืองสะหวันเขตไม่มีอะไรมากครับสำหรับทริปนี้สถานที่หลักที่ต้องการไปคือ วัดพระธาตุอิงฮังที่อยู่นอกเมืองออกไปกับ สหวันเวกัสคาสิโนขนาดใหญ่ในเมืองเล็กๆแห่งนี้ แฮะๆ แค่ฟังชื่อก็เห็นถึงความแตกต่างกันอย่างสุดขั่วแล้ว
หลังจากนอนพักเอาแรงเรียบร้อยแล้วบ่ายๆก็ได้เวลาเดินสำรวจเมืองแห่งนี้ สะหน่อย ย้ำน่ะครับเดินเท่านั้น เมืองนี้ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวดั้งนั้นหารถเช่าได้ยากมากถ้าเป็นรถรับจ้างก็แพงมากกกก ดังนั้นเดินจะเป็นการท่องเที่ยวที่ดีที่สุดครับ ส่วน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)